วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

ปี 53 รุกขยายจอยมาร์ทเพิ่มถึง 500สาขา


"จอยแอนด์คอยน์" ผู้นำขายตรงน้ำสมุนไพร ควักเงิน 20 ล้านบาท ปรับปรุงสำนักงานใหญ่ เพิ่มพื้นที่จอดรถ รองรับการขยายธุรกิจโดยเฉพาะ “จอยมาร์ท” ที่หวังขยายสาขาให้ถึง 500 สาขาในปี 53 นี้ โชว์ตัวเลขบัญชี ปีวัวปิดอยู่ที่ 1.2 พันล้าน เชื่อพ.ศ.นี้เศรษฐกิจเงยพาธุรกิจโต

ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการบริษัท จอยแอนด์คอยน์ คอร์ปอเรชั่น (เจแอนด์ซี) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโฉมสำนักงานใหญ่ให้มีความทันสมัย และมีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยจะมีการเพิ่มจำนวนห้องบริการต่างๆ ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้องฝึกอบรม ห้องนำเสนอสินค้า โดยพื้นที่บางส่วนอาจจะต้องขยายออกทางด้านหลังของตึก

“เราต้องการเน้นความสะดวกสบายให้สมาชิก ซึ่งนอกจากภายในสำนักงานใหญ่จะมีการปรับปรุงแล้ว บริษัทยังมีโครงการที่จะสร้างลานจอดรถให้กับผู้เข้ามาใช้บริการอีกด้วย โดยคาดว่าภายในกลางปีนี้จะสามารถเปิดให้บริการได้ การปรับปรุงครั้งนี้เราใช้งบลงทุนทั้งหมดประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งหลังจากดำเนินการในส่วนสำนักใหญ่แล้วเสร็จ ก็จะปรับปรุงพื้นที่ในส่วนของสำนักงานสาขารัชดาเป็นลำดับต่อไป”

ผู้บริหารระดับสูง จอยแอนด์คอยน์ ยังกล่าวถึงนโยบายการสาขาในจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะล่าสุดคือการเปิดสาขาขอนแก่นว่าสาขาแห่งนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดของ บริษัท รองลงมาคือ สาขานครราชสีมา ในอนาคตจะมีการเปิดเพิ่มเติมในจังหวัดบุรีรัมย์และอุบลราชธานี ซึ่งมีพื้นที่รองรับอยู่แล้ว ซึ่งการเลือกพื้นที่ในการเปิดสาขาจะพิจารณาการเติบโตของธุรกิจและจำนวน สมาชิกเป็นหลัก

“ขนาดของพื้นที่ใช้สอยใหญ่ขึ้นของสาขา จะช่วยดึงดูดผู้เข้ามาใช้บริการกันมากขึ้น เห็นได้จากสาขาหาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้มียอดขายต่อเดือน ประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนสาขาขอนแก่นเราคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 7-8 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งตาม หลักแล้วการมีจำนวนสาขามากขึ้น ยอดขายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แนวคิดของบริษัทจะพยายามกำหนดให้แต่ละสาขามียอดอย่างน้อยไม่ต่ำว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน และสาขาย่อย 5 ล้านบาทต่อเดือน เมื่อถึงจุดนั้นแล้วจะทำให้เรามียอดขายเฉพาะแต่ละสาขารวมกันไม่ต่ำกว่าปีละ 500 ล้านบาทเลยทีเดียว และจะส่งผลให้ยอดขายรวมเติบโตไปด้วย ซึ่งปีที่แล้ว เราปิดยอดขายที่ 1.2 พันล้านบาท”
สำหรับนโยบายด้านการตลาดในปีนี้ บริษัทยังคงเน้นดำเนินงาน ตามแนวทางที่วางไว้ในปีที่แล้วให้เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยเฉพาะการเป็น “ขายตรงสะดวกซื้อ” ซึ่งในเชิงสินค้า คงจะมีจำนวนมากขึ้น ความได้ เปรียบของบริษัทคือ มีสินค้าทุกประเภทมากกว่าบริษัทอื่น ขณะที่ระบบ เดลิเวอรี่ ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้นเช่นเดียวกัน

“ตอนนี้ระบบเดลิเวอรี่ เราใช้บริษัทด้านลอจิสติกส์เป็นผู้จัดส่งให้ โดยคิดค่าบริการทั่วประเทศ 120 บาท แต่หากมองภาพรวมในปัจจุบันธุรกิจขายตรงส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้บริการเดลิเวอ รี่ แต่จะเข้ามาซื้อสินค้าที่บริษัทด้วยตัวเอง หรือไม่แม่ทีมก็จะเป็นผู้นำสินค้าไปกระจายต่อ”

ประธานกรรมการจอย แอนด์คอยน์ ให้ความเห็นต่อนโยบายเปิดการค้าเสรีกับประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาฟต้า) ด้วยว่า จะส่งผลโดยรวมกับบริษัทในเชิงบวกมากกว่า เพราะบริษัทก็มีต้นทุนสินค้า ต่ำอยู่แล้ว แต่ข้อเสียก็คือสินค้าในช่องทางขายตรงก็จะมีคู่แข่งมากขึ้น จากช่องทางอื่นที่หันมาแข่งด้านราคา โดยเฉพาะบริษัทโมเดิร์นเทรดจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ประธานกรรมการ ยังมองถึงภาพรวมขายตรงในปีนี้ด้วยว่า การเติบโตยังคงจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้บริโภคเองก็ยอมรับขายตรงมากขึ้น เพราะทุกบริษัทก็มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง ขายตรงจึงน่าจะเป็นทางเลือกสำหรับ ผู้มีงานประจำและผู้ว่างงาน ขณะที่การแข่งขันก็จะเข้มข้นขึ้น เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ก็เข้ามาในตลาดมากขึ้น
จอยแอนด์คอยน์ จัดว่าเป็นผู้ที่ริเริ่ม “ขายตรง สะดวกซื้อ” เจ้าแรกของประเทศเลยก็ว่าได้ เนื่องจากช่วง ที่บริษัททำการเปิดศูนย์บริการจอยมาร์ทนั้น ยังไม่มีค่ายขายตรงแบรนด์ ใดทำเลย ซึ่งทำให้กลายเป็นผู้บุกเบิกตลาดในรูปแบบนี้ และติดตาคนไทยทั่วไป

“จอยมาร์ท” เป็นนวัตกรรมใหม่ แห่งความสำเร็จของ “เจริญโอสถ” ที่การันตีผลงานด้วยรางวัลเกียรติยศ “บริษัทขายตรงดีเด่นประจำปี 2552” ประเภท “นวัตกรรมการตลาดแนวใหม่ ขายตรงสะดวกซื้อ รายแรกของ ไทย” และที่สำคัญยังเป็น ขีปนาวุธทาง ธุรกิจ ที่จะทำให้ “เจริญโอสถ” มีความ แข็งแกร่ง และก้าวไกล ไปข้างหน้าอย่างยิ่งใหญ่
การเปิดศูนย์จอยมาร์ทนั้น สามารถเปิดได้ทั้งในจังหวัด, อำเภอ และตำบล โดยมีระเบียบการเปิดดังนี้
เปิดศูนย์ประจำตำบล ใช้เงินทุนหมุนเวียนสินค้าประมาณ 1 แสนบาท (ไม่รวมตกแต่ง) โดยเงินดังกล่าว ใช้สั่งซื้อสินค้าเข้าศูนย์ขั้นต่ำ 100 ราย การ และใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการเบิกสินค้าครั้งต่อไป รายได้ขั้นต่ำ
เปิดศูนย์ประจำอำเภอ ใช้เงิน ลงทุนหมุนเวียนประมาณ 2 แสนบาท อยู่ในชุมชนที่จอดรถสะดวกสบาย สั่งสินค้าเข้าศูนย์ประมาณ200รายการ

เปิดศูนย์ประจำจังหวัด ใช้เงิน ลงทุนหมุนเวียนประมาณ 5 แสนบาท ต้องเป็นตึก 2 ห้องอยู่ใจกลางตัวเมือง ที่จอดรถสะดวก มีสินค้า 500 รายการ ขึ้นไปชั้นบนสามารถจัดบรรยายได้ทุก สัปดาห์
การเปิดแฟรนไชส์ “จอยมาร์ท” ก็ต้องดูว่า จะสามารถเป็นเครื่องมือของสมาชิก “เจริญโอสถ” และอำนวย ความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคทั่วไปได้มากน้อยเพียงใด เพราะร้าน “จอยมาร์ท” ต้องพึ่งพาสมาชิก “เจริญ โอสถ” เป็นส่วนใหญ่
อีกทั้งทางบริษัทก็ได้ให้สิทธิประโยชน์กับบรรดาสมาชิกอย่างมากมาย อาทิ การซื้อสินค้าที่ร้าน “จอยมาร์ท” ซึ่งเหมือนกับไปซื้อสินค้า ในร้านสะดวกซื้อทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นสินค้ายี่ห้อใดที่นำมาวางขาย ราคาก็จะเท่ากัน แต่ที่แตกต่างกัน คือ ร้าน “จอยมาร์ท” จะมีการให้ PV หรือการ ให้คะแนนสะสม ซึ่งสมาชิกสามารถนำ คะแนนสะสมมาเข้าแผน 2 แผนรายได้ของบริษัท เพื่อรับผลประโยชน์ก็ได้

ขณะเดียวกัน ก็ยังจะมีส่วนลด ให้ทันที ซึ่งจะถูกกว่าการซื้อสินค้าจาก ร้านสะดวกซื้อทั่วๆ ไป หากซื้อแบบแพ็ก หรือแบบยกกล่อง ก็จะได้ส่วนลด หรือจะได้ในราคาขายส่ง ทำให้สมาชิก สามารถนำไปขายได้กำไรเพิ่มอีก ประมาณ 20-25% หากสมาชิกซื้อแบบแพ็กจำนวนมาก ก็จะได้ผลประโยชน์มาก จึงเป็นที่นิยมของบรรดาสมาชิก โดยเฉพาะการซื้อสินค้าสิ้นเปลือง ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก เมื่อซื้อแล้วนำไปขายต่อในราคาขายปลีก สมาชิก ก็ยังจะได้กำไร ส่วนกำไรที่บริษัทได้ประมาณ 25% ก็จะนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

ทั้งนี้ จอยแอนด์คอยน์ยังได้ตั้งเป้าที่จะเปิด “จอยมาร์ท” เพิ่มให้ถึง 500 สาขาในปี 2553 ซึ่งหากบริษัทสามารถทำได้ ก็จะทำให้จอยแอนด์คอยน์ได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ทั้งยังเป็นการการันตีถึงเป้าของยอดขาย ที่มีอยู่ในใจของผู้นำทัพได้อย่างแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น